คุณรู้ไหมว่า Windows XP มีโปรแกรมซ่อนอยู่ตั้ง 23 โปรแกรม !!

คุณรู้ไหมว่า Windows XP มีโปรแกรมซ่อนอยู่ตั้ง 23 โปรแกรม
ซึ่งถ้าเราไม่รู้จักมันมาจากการที่จำเป็นต้องใช้มันนั้น เราจะไม่มีทางได้ใช้มันเลย เพราะบางโปรแกรม มันไม่อยู่ใน StartMenu ให้เรากด บางโปรแกรมถึงติดตั้งมาโดยที่เอาออกไม่ได้ บางโปรแกรมเป็นโปรแกรมที่มาจากวินโดว์รุ่นก่อน (ทั้งๆที่ XP ก็มีโปรแกรมนั้นแล้ว) มาดูกันว่า 23 โปรแกรมนั้นมีอะไรบ้าง

วิธีการใช้ก็เข้าที่ Start -> Run -> พิมพ์คำสั่งต่อไปนี้

charmap.exe = Character Map (มีประโยชน์มากสำหรับใช้พิมพ์อักขระพิเศษ)
cleanmgr.exe = Disk Cleanup (เอาไว้ทำความสะอาดหรือ Clear พื้นที่)
clipbrd.exe = Clipboard Viewer (ดูข้อมูล ในคลิปบอร์ด)
drwtsn32.exe = Dr Watson (โปรแกรมที่ใช้ตัวสอบว่าวินโดว์มีปัญหาเพราะอะไร)
dxdiag.exe = DirectX diagnosis (โปรแกรมตรวจสอบอุปกรณ์ว่า สนับสนุน DirectX หรือไม่ และแสดงรายชื่อไฟล์ที่เกี่ยวข้อง)
eudcedit.exe = Private character editor (โปรแกรมที่อนุญาตให้เราแก้ไขฟอนต์ หรือทำฟอนต์เองได้)
iexpress.exe = IExpress Wizard (โปรแกรมที่สร้างไฟล์ Setup ของวินโดว์ เอาไว้สำหรับคนที่เขียนโปรแกรมบนวินโดว์)
mobsync.exe = Microsoft Synchronization Manager (โปรแกรมที่คอยเก็บหน้าเว็บ หรือไฟล์บนเครือข่าย เอาไว้ดูตอน offline ได้)
mplay32.exe = Windows Media Player 5.1 (Windows Media Player รุ่นเก่า)
odbcad32.exe = ODBC Data Source Administrator (โปรแกรมไว้จัดการกับดาต้าเบส)
packager.exe = Object Packager (โปรแกรมที่ใส่พวก Objects ต่างๆ ลงในไฟล์)
perfmon.exe = System Monitor (โปรแกรมนี้ มีประโยชน์มาก ไว้ตรวจสอบประสิทธิภาพของวินโดว์)
progman.exe = Program Manager (เชลล์ไฟล์ของวินโดว์ 3.11)
rasphone.exe = Remote Access phone book (โปรแกรมที่เอาไว้ ติดต่อหรือเข้าถึงข้อมูลของสมุดที่อยู่ ในเครื่องอื่น)
regedt32.exe = Registry Editor [เหมือนกับ regedit.exe] (ไว้ใช้สำหรับแก้ไข Registry ของวินโดว์)
shrpubw.exe = Network shared folder wizard (สร้างแชร์โฟล์เดอร์บนเครือข่าย)
sigverif.exe = File siganture verification tool (โปรแกรมตรวจสอบ signature ของไฟล์)
sndvol32.exe = Volume Contro (โปรแกรมไว้ปรับระดับเสียง อันเดียวกับรูปลำโพงตรง tray icon)
sysedit.exe = System Configuration Editor (โปรแกรมแก้ไข system.ini กับ win.ini)
syskey.exe = Syskey (Secures XP Account database – เป็นโปรแกรมที่ใช้ เข้ารหัส รหัสผ่านของวินโดว์ กรุณาใช้อย่างระมัดระวัง)
telnet.exe = Microsoft Telnet Client (โปรแกรม telnet)
verifier.exe = Driver Verifier Manager (โปรแกรมตรวจสอบ driver ต่างของวินโดว์ ใช้สำหรับคนที่มีปัญหาเรื่องไดร์เวอร์)
winchat.exe = Windows for Workgroups Chat (โปรแกรม chat รุ่นเก๋า)

วิธีปลดบล็อกความเร็วเน็ต (สาระ) !!

ปัจจุบันนี้ในวงการอินเตอร์เน็ตมันมีพวกความเร็วสูงมากมาย และก็มีคนจำนวนมากหันไปใช้กันมาก แต่ก็ยังมีพวกที่ยังใช้เน็ตแบบ 56K อยู่ไม่น้อย

สาเหตุ จากพื้นที่ที่อยู่เน็ตความเร็วสูงยังไปไม่ถึงหรือสตุ้งสตังค์ไม่ค่อยมีหรืออะไรก็แล้วแต่ ทำให้ยังต้องใช้เน็ต 56K อยู่ เมื่อใช้แบบธรรมดาๆ เราก็มาปรับแต่งให้มันเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ของมันดีกว่า

1. ให้เข้าไปที่ Network Connections แล้วคลิกขวาที่ไอคอน Dial up ที่คุณใช้ต่อเน็ต เลือกคำสั่ง Properties

 

2. ที่หน้าต่าง Properties ไปที่แท็บ General ให้คลิกที่ปุ่ม Configure
3. จะมีหน้าต่าง Modem Configuration ขึ้นมา ที่ช่อง Maximum Speed (bps) ให้เลือกความเร็วสูงสุด คลิก OK

 

 

4. กลับมาที่หน้าต่าง Properties อีกครั้ง ไปที่แท็บ Networking คลิกเลือกช่อง Qos Packet Scheduler คลิก OK ออกจากหน้าต่างทั้งหมด

 

 

5. คราวนี้จะมาปรับแต่งที่ Communications Port ช่วยเพื่อความสัมพันธ์ในการใหลลื่นของข้อมูล ให้คลิกขวาที่ My Computer เลือกคำสั่ง Properties จะมีหน้าต่าง System Properties ให้คลิกที่แท็บ Hardware คลิกที่ปุ่ม Device Manager เพื่อเข้าไปปรับแต่งความเร็วของพอร์ต

 

 

6. ที่หน้าต่าง Device Manager ให้คลิกที่ Port (COM&LPT) จะมีเมนูย่อยได้แก่ Communications Port(com1) กับ Communications Port(com2) ถ้าโมเด็มเชื่อมต่อที่พอร์ตไหนก็ให้ปรับที่พอร์ตนั้น ในที่นี้ ผมใช้พอร์ต COM1 จึงคลิกขวาที่ Communications Port(com1) แล้วเลือก Properties

 

7. จะมีหน้าต่าง Communications Port(com1) Properties ให้คลิกที่แท็บ Port settings ที่ช่อง Bits per secound ให้ปรับเป็นค่าความแร็วสูงสุด (128000)คลิก OK

 

 

8. คราวนี้กลับมาที่หน้า Desktop ให้คลิกที่ Start > Run พิมพ์คำว่า GPEDIT.MSC ลงในช่อง Open คลิก OK

 

 

9. หน้าต่าง Group Policy จะปรากฎขึ้น ให้ดับเบิลคลิกไปที่โฟลเดอร์ Administrative Templates > Network > Qos Packet Schedular เข้าไปที่โฟลเดอร์ Qos Packet Schedular ให้ดับเบิลคลิกคำสั่ง Limit reservable bandwidth

 

 

10. จะมีหน้าต่าง Limit reservable bandwidth Properties ขึ้นมา ที่แท็บ Setting ให้คลิกเลือกช่อง Enabled และที่ช่อง Bandwidth limit (%) ให้ปรับค่าเป็น 0 คลิก OKก็เสร็จสิ้นการปรับแต่งลองดูนะครับว่าเร็วกว่าเดิมหรือไม่

Credit. :By http://www.pantip.com

10 ลางบอกเหตุฮาร์ดดิสก์ใกล้ตาย !!

ว่ากันว่าผู้ใช้บางท่านรู้สึกแย่มาก ๆ ที่อยู่ดี ๆ ฮาร์ดดิสก์สุดที่รักก็จากไปอย่างไม่หวนคืน ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านั้นมันมีสัญญาณเตือนให้ทราบอยู่ตลอดเวลา แต่ก็หาได้สังเกตไม่ ในขณะเดียวกัน ผู้ใช้ส่วนใหญ่ก็จะไม่มีนิสัยรักการแบ็คอัพ ประเภทรักเดียวใจเดียวไม่สำรองข้อมูลไว้ที่อื่นกันบ้างเลย

ประเด็นที่อยากจะเตือนผู้ใช้ก็คือ อย่ามั่นใจเทคโนโลยีมากเกินไป ควรสังเกตสังกามันบ้าง ต่อไปนี้คือ ลางบอกเหตุสำหรับฮาร์ดดิสก์ที่ใกล้ตาย ซึ่งมีอยู่ 10 ข้อด้วยกัน อ่านเรื่องนี้จบแล้วลองพิจารณาดูด้วยนะครับว่า ฮาร์ดดิสก์ที่ใช้อยู่มีอาการตามนี้บ้างหรือไม่

1. เสียงดังติ๊กๆ อย่านึกว่าเป็นเข็มนาฬิกา : ฮาร์ดดิสก์ทุกตัวในโลกนี้ไม่เคยติดตั้งนาฬิกาปลุกไว้ข้างใน และถ้ามันเป็นปกติดีก็ไม่ควรจะมีเสียงดังติ๊กๆ ให้ชวนระทึกขวัญด้วย เสียงดังที่ว่านี้ ถ้าจะให้พิจารณากันอย่างละเอียดคุณต้องเอาหูแนบกับฮาร์ดดิสก์ว่าเสียงมาจากส่วนใด เพราะการวิเคราะห์หาสาเหตุจะทำได้ตรงจุดจริง ๆ ถ้าเสียงมาจากตรงกลางให้สันนิษฐานว่ามาจากชุดขับเคลื่อนมอเตอร์ที่อาจเกิดความผิดพลาดหรือชำรุดขึ้น แต่ถ้าเสียงดังมาจากรอบ ๆ นอกในรัศมีของกล่องฮาร์ดดิสก์ ให้สันนิษฐานว่าปัญหามาจากหัวอ่านติดขัด ซึ่งอาจจะกำลังเคาะกับแผ่นจานอยู่ก็เป็นได้ ตรงนี้อันตรายมากเพราะทำให้ข้อมูลเสียหายได้ทั้งลูกเลย

2. ไฟดับบ่อยๆ ไม่ดีกับฮาร์ดดิสก์ : เครื่องคอมพ์ที่ไม่มี UPS มีโอกาสเสี่ยงที่อุปกรณ์ภายในจะเสียหายเร็วขึ้นถ้าหากมีไฟดับบ่อย ๆ โดยเฉพาะฮาร์ดดิสก์นั้น เวลาที่ไฟฟ้าดับอย่างรวดเร็วหัวอ่านข้างในอาจจะยังไม่กลับสู่บริเวณที่ปลอดภัย หรือบางทีหัวอ่านอาจจะไปกระแทกกับแผ่นจานในช่วงที่ไฟฟ้ากระชากขึ้นมาทันที ซึ่งไม่เป็นผลดีแน่ นอกจากนี้หากไฟตกบ่อย ๆ แล้วดับลงก็ไม่เป็นผลดีเช่นกัน เพราะฮาร์ดดิสก์จะพยายามทำงานตามหน้าที่หากมีกำลังไฟเพียงพอ แต่ถ้าในระหว่างนั้นไฟค่อยๆ ตกลงและดับไป ตำแหน่งของหัวอ่านจะยังไม่กลับที่เดิมแน่ ดังนั้น ควรติดตั้ง UPS ไว้จะปลอดภัยทั้งฮาร์ดดิสก์เองและอุปกรณ์ทั้งหมดด้วยเช่นกัน

3. เครื่องแฮงก์บ่อยๆ : ปัญหาเครื่องคอมพ์ค้างนั้น มีหลายสาเหตุครับ นอกจากซอฟต์แวร์และระบบปฏิบัติการ Error แล้ว อุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ก็สามารถทำให้เครื่องค้างหรือหยุดนิ่งไม่ไหวติงได้เช่นกัน หนึ่งในนั้นก็คือ ฮาร์ดดิสก์ นั่นเอง ทำไมฮาร์ดดิสก์ถึงค้างได้ เป็นคำถามที่ตอบได้ไม่ยากครับ อย่างแรกเลยก็คือ กำลังไฟที่จ่ายไม่เพียงพอ ถ้าเครื่องของคุณมีอุปกรณ์ต่อพ่วงมาก มีฮาร์ดดิสก์และไดรฟ์ออปติคอลหลายตัว แต่เพาะเวอร์ซัพพลายใช้ของราคาถูก จ่ายไฟไม่พอ แบบนี้เป็นสาเหตุที่ทำให้ฮร์ดดิสก์ค้างได้เลย และอย่างที่สองมาจากอุปกรณ์ภายฮาร์ดดิสก์ในทำงานผิดพลาด ซึ่งตรงจุดนี้ตัวระบบปฏิบัติการเองสามารถส่งผลต่อเนื่องมายังฮาร์ดดิสก์ได้โดยตรง เพราะยังไงเสียระบบปฏิบัติการก็เก็บอยู่ในฮาร์ดดิสก์นั่นเอง ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับส่วนหนึ่ง ย่อมส่งผลไปยังส่วนที่เหลือได้ไม่ยาก

4. ทำไมมันร้อนเร็วจัง : หลังจากที่คุณเปิดสวิตช์เครื่องคอมพ์ได้ไม่นาน และพบว่าฮาร์ดดิสก์ของคุณมีอุณหภูมิขึ้นสูงอย่างรวดเร็วจนน่าตกใจ แต่ยังคงทำงานต่อไปได้ ให้ตั้งข้อสันนิษฐานถึงความผิดปกติที่พบขึ้นมาทันที อย่าได้นิ่งนอนใจ เพราะฮาร์ดดิสก์จะร้อนขึ้นเมื่อมีการเริ่มเขียน-อ่าน ข้อมูลอย่างจริงๆ จังๆ แค่เปิดเครื่องแล้วอยู่ๆ ก็ร้อนขึ้นขนาดนี้ไม่ดีแน่ครับ อาการที่ว่านี้มาจากอุปกรณ์ภายในโดยตรงที่ส่งความร้อนออกมา มอเตอร์อาจได้รับแรงดันไฟมากเกินไปหรือไม่เสถียรพอจนทำงานผิดพลาด นอกจากนี้หากมีชิ้นส่วนในแผงวงจรเกิดชำรุดเสียหายขึ้นมาก็สามารถแสดงอาการแบบนี้ได้เช่นกัน

5. โปรแกรมค้างบ่อยๆ : สำหรับโปรแกรมที่กำลังพูดถึงนี้ ผมเหมารวมไปถึงระบบปฏิบัติการด้วยนะครับ เวลาที่คุณเปิดโปรแกรมสักตัวขึ้นมาแล้วมันหยุดนิ่งหรือค้างไปเฉยๆ นั้น หนึ่งในข้อสันนิษฐานที่อยากให้ทุกท่านได้ใส่ใจก็คือ ปัญหาที่ว่าอาจมาจากฮาร์ดดิสก์โดยตรง ถ้าฮาร์ดดิสก์ของคุณมีแบดเซกเตอร์ (Bad Sector) กระจัดกระจายอยู่ทั่วทั้งฮาร์ดดิสก์ ผมกล้าฟันธงได้เลยว่าเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้โปรแกรมหรือแม้แต่ระบบปฏิบัติการค้างได้ เป็นสัญญาณเตือนภัยที่คุณสามารถสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนที่สุด

6. ไฟติด แต่ไฟล์ดับ! : ถ้าคุณต่อสายสัญญาณไฟแสดงสถานะของฮาร์ดดิสก์ในเมนบอร์ดถูกต้อง หลอด LED ด้านหน้าเคสต้องแสดงอาการให้เห็นเวลาที่มีการเขียนอ่านข้อมูลเกิดขึ้น หลอดไฟดวงเล็ก ๆ นี้ช่วยให้คุณสังเกตความผิดปกติของฮาร์ดดิสก์ได้เช่นกัน ยกตัวอย่าง ถ้าในระหว่างที่มีการเขียนข้อมูลหรือไฟล์ลงฮาร์ดดิสก์ หลอดไฟย่อมกะพริบอยู่ตลอด แต่หลังจากคุณกลับเข้าไปดูข้อมูลที่เขียนหรือโอนถ่ายลงไปกลับพบว่าทุกอย่างว่างเปล่า ไม่มีอะไรถูกเขียนลงไปในฮาร์ดดิสก์เลย แล้วทำไมหลอดไฟถึงได้กะพริบแบบนั้น ตรงนี้บอกอะไรเราได้บ้าง อย่างแรกเลยคือ เกิดความผิดพลาดในระดับโครงสร้างการจัดเก็บไฟล์ ปัญหาที่ว่านี้อาจมาจากระบบ FAT หรือแม้แต่โครงสร้างพาร์ทิชันเสียหาย ไฟที่กะพริบแสดงถึงการโอนข้อมูลไปยังตำแหน่งของเซกเตอร์ที่ใช้เก็บข้อมูล แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะเขียนลงไปได้สำเร็จจริงๆ ยิ่งถ้าคุณปิดหน้าจอไว้ในระหว่างที่มีการโอนไฟล์ใหญ่ๆ หลอดไฟที่กะพริบอาจทำให้คุณเข้าใจว่าระบบกำลังทำงานอยู่ ตรงนี้ถ้าไม่เปิดดูหน้าจอจะไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น

7. ฮาร์ดดิสก์ตีกลอง : สำหรับอาการที่ว่านี้มีความแตกต่างจากข้อที่ 1 โดยสิ้นเชิง ถ้าคุณได้ยิ้นเสียงรัวกลองดังกึกก้องมาจากฮาร์ดดิสก์ และไม่ยอมหยุดซักที อาการแบบนี้บอกได้อย่างเดียวว่ามันจะขอลาแล้วละครับ เสียงดังที่คล้ายกับการตีกลองนั้นมาจากหัวอ่านไปกระทบกับจานอย่างจัง หรือแม้แต่หัวอ่านเลื่อนหลุดออกจากตำแหน่งล็อก จนไปกระกบกับแผ่นจาน ถ้าเป็นแบบนี้ข้อมูลทั้งหมดในอาร์ดดิสก์อาจได้รับความเสียหายจนถึงขั้นกู้ไม่ได้เลย ดังนั้น ถ้าเสียงกลองเพิ่งเริ่มรัวให้คุณรีบพาฮาร์ดดิสก์ไปซ่อมด่วนเลยนะครับ!

8. สแกนดิสก์ไม่ผ่าน : การตรวจสุขภาพฮาร์ดดิสก์ที่คุณสามารถทำได้ด้วยตัวเองก็คือ สแกนมันให้ทั่วทั้งจาน ไม่ว่าคุณจะใช้บริการจากยูทิลิตีบนวินโดวส์เอง หรือโปรแกรมจากเธิร์ดพาร์ตี้ก็ตาม หากสแกนไม่ตลอดรอดฝั่งแล้วละก็ ให้ตั้งข้อสันนิษฐานได้เลยว่าฮาร์ดดิสก์กำลังมีปัญหาเกิดขึ้น สาเหตุก็มีทั้งโครงสร้าง FAT เสียหาย รวมถึงตารางพาร์ทิชันที่อาจเสียหายด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ หากฮาร์ดดิสก์มีแบดเซกเตอร์ ตรงจุดสำคัญๆ ก็จะส่งผลให้การสแกนฮาร์ดดิสก์ตรงตำแหน่งพื้นที่นั้นๆ ไม่ผ่านด้วยเช่นกัน หรือแม้แต่ค้างนิ่งไปเลยก็มีให้เห็นด้วย

9. สั่งดีแฟรกแต่ไม่ฉลุย : ดีแฟรก หรือการจัดเรียงข้อมูลหรือไฟล์ที่ไม่ต่อเนื่องซึ่งกระจัดกระจายอยู่ทั่วฮาร์ดดิสก์ให้กลับมาเป็นระเบียบเรียบร้อยเหมือนเดิม เป็นวิธีที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพความเร็วให้ก็จริง แต่ถ้าการดีแฟรกไม่ผ่านฉลุยหรือไม่ยอมจบสิ้นซักทีล่ะ ปัญหาจะมาจากไหนได้ นอกจากฮาร์ดดิสก์นั่นเอง ถ้าคุณพบอาการที่ว่านี้ในระหว่างการดีแฟรกฮาร์ดดิสก์นั้น เป็นสัญญาณที่บ่งบอกได้ถึงสุขภาพฮาร์ดดิสก์ของคุณเริ่มไม่ดีแล้ว ความเป็นไปได้ของปัญหามีอยู่สองอย่างครับ อย่างแรกมาจากตัวอุปกรณ์เองที่อาจชำรุดเสียหาย และอย่างที่สองมาจากโครงสร้างพื้นฐานการจัดเก็บข้อมูลเกิดความเสียหายในระดับซอฟต์แวร์ ตรงนี้เราไม่สามารถใช้การดีแฟรกมาช่วยได้นอกจากต้องสร้างพาร์ทิชันและฟอร์แมตโครงสร้าง FAT ขึ้นมาใหม่

10. สร้างพาร์ทิชันไม่ได้ : สัญญาณอันตรายในข้อสุดท้ายนี้ค่อนข้างรุนแรงครับ ถ้าคุณเผอิญกำลังประสบอยู่ละก็ ขอบอกเลยว่าอาจจะต้องทำใจเอาไว้ด้วย ถ้าอาการที่ว่านี้เกิดกับฮาร์ดดิสก์ตัวใหม่แกะกล่องคงไม่ต้องซีเรียสอะไร เพราะยังไงก็เคลมได้ชัวร์ๆ แต่ถ้าเป็นฮาร์ดดิสก์ที่หมดประกันไปแล้วล่ะ สิ่งที่คุณต้องเรียนรู้เวลาที่ไม่สามารถสร้างพาร์ทิชันขึ้นมาได้เลย ไม่ว่าจะใช้โปรแกรมใดๆ ก็ตาม การตีความหมายไม่ควรอยู่ในวงแคบๆ เช่น ฮาร์ดดิสก์พังแน่ ๆ หรือมันเพิ่งหล่นมาใช้ไหมนี่ ปัญหาอาจจะมาจากแผ่นวงจรอิเล็กทรอนิกส์เสียหาย ซึ่งหากคุณหาอะไหล่ที่เป็นรุ่นเดียวกันมาถอดเปลี่ยนเข้าไปใหม่ ก็สามารถใช้งานฮาร์ดดิสก์ได้แล้ว แต่ถ้าแผ่นจานเสียหายละก็หมดสิทธิ์ทันทีครับ ต้องกินยาทำใจอย่างเดียว

 

Credit : www.zone-it.com

108 Shotkey 108 คีย์ลัดบน Windows ที่ควรรู้ไว้ !!

108 Shotkey 108 คีย์ลัดบน Windows ที่ควรรู้ไว้ (ในวงเล็บคือผลลับของมันนะครับ)

CTRL + C (คัดลอก)
CTRL + X (ตัด)
CTRL + V (วาง)
CTRL + Z (undo)
Delete (ลบ)
SHIFT + DELETE (ลบรายการที่เลือกอย่างถาวรไม่มีการวางรายการในถังรีไซเคิล)
CTRL + SHIFT ขณะที่ลากรายการ (สร้างทางลัดไปยังรายการที่เลือก)
ปุ่ม F2 (เปลี่ยนชื่อรายการที่เลือก)
CTRL + ลูกศรขวา (ย้ายจุดแทรกไปยังจุดเริ่มต้นของคำถัดไป)
CTRL + ลูกศรซ้าย (ย้ายจุดแทรกไปยังจุดเริ่มต้นของคำก่อนหน้า)
CTRL + ลูกศรลง (ย้ายจุดแทรกไปยังจุดเริ่มต้นของย่อหน้าถัดไป)
CTRL + ลูกศรบน (เคลื่อนย้ายจุดแทรกไปยังจุดเริ่มต้นของย่อหน้าก่อนหน้า)
CTRL + SHIFT กับใด ๆ ของปุ่มลูกศร (ไฮไลท์กลุ่มข้อความ)
SHIFT กับใด ๆ ของปุ่มลูกศร (เลือกมากกว่าหนึ่งรายการในหน้าต่างหรือบนเดสก์ทอปหรือเลือกข้อความในเอกสาร)
CTRL + A (เลือกทั้งหมด)
F3 คีย์ (ค้นหาไฟล์หรือโฟลเดอร์)
ALT + ENTER (ดูคุณสมบัติของรายการที่เลือก)
ALT + F4 (ปิดรายการที่ใช้งานหรือออกจากโปรแกรมที่ใช้งาน)
ALT + ENTER (แสดงคุณสมบัติของวัตถุที่เลือก)
ALT + SPACEBAR (เปิดเมนูทางลัดสำหรับหน้าต่างที่ใช้งาน)
CTRL + F4 (ปิดเอกสารที่ใช้งานในโปรแกรมที่ช่วยให้คุณสามารถเปิดเอกสารหลายฉบับพร้อมกัน)
ALT + TAB (สลับระหว่างรายการที่เปิด)
ALT + ESC (สลับไปตามรายการในลำดับที่พวกเขาได้รับการเปิด)
F6 สำคัญ (วงจรผ่านหน้าจอองค์ประกอบในหน้าต่างหรือบนเดสก์ทอป)
F4 คีย์ (แสดงรายการแถบที่อยู่ในคอมพิวเตอร์หรือ Windows Explorer)
SHIFT + F10 (แสดงเมนูทางลัดสำหรับรายการที่เลือก)
ALT + SPACEBAR (แสดงเมนูระบบสำหรับหน้าต่างที่ใช้งาน)
CTRL + ESC (แสดงเมนู Start)
ALT + ขีดเส้นใต้ตัวอักษรในชื่อเมนู (แสดงเมนูที่เกี่ยวข้อง)
อักษรขีดเส้นใต้ในชื่อคำสั่งบนเมนูที่เปิด (ดำเนินการคำสั่งที่เกี่ยวข้อง)
F10 คีย์ (เปิดแถบเมนูในโปรแกรมที่ใช้งาน)
ปุ่ม F5 (อัปเดทหน้าต่างที่ใช้งาน)
BACKSPACE (ดูโฟลเดอร์หนึ่งระดับขึ้นในคอมพิวเตอร์หรือ Windows Explorer)
ESC (ยกเลิกงานปัจจุบัน)
SHIFT เมื่อคุณใส่ซีดีรอมลงในไดรฟ์ CD – ROM (ป้องกันไม่ให้ซีดีรอมเล่นโดยอัตโนมัติ)

แป้นพิมพ์ลัดกล่องโต้ตอบ
CTRL + TAB (Move ส่งผ่านแท็บ)
CTRL + SHIFT + TAB (Move ย้อนกลับผ่านแท็บ)
TAB (ย้ายไปข้างหน้าผ่านตัวเลือก)
SHIFT + TAB (Move ย้อนกลับผ่านตัวเลือก)
ALT + อักษรขีดเส้นใต้ (ดำเนินการคำสั่งที่เกี่ยวข้องหรือเลือกตัวเลือกที่ตรงกัน)
ENTER (ดำเนินการคำสั่งสำหรับตัวเลือกที่ใช้งานหรือปุ่ม)
SPACEBAR (เลือกหรือล้างกล่องกาเครื่องหมายหากตัวเลือกที่ใช้งานอยู่กล่องกาเครื่องหมาย)
ปุ่มลูกศร (เลือกปุ่มหากตัวเลือกที่ใช้งานอยู่เป็นกลุ่มของปุ่มตัวเลือก)
F1 คีย์ (แสดงวิธีใช้)
F4 คีย์ (แสดงในรายการที่ใช้งาน)
BACKSPACE (เปิดโฟลเดอร์หนึ่งระดับขึ้นหากโฟลเดอร์ที่ถูกเลือกในบันทึกเป็นหรือกล่องโต้ตอบที่เปิด)

แป้นพิมพ์ลัดธรรมชาติ
Windows Logo (แสดงหรือซ่อนเมนู Start)
โลโก้ Windows + BREAK (แสดงกล่องโต้ตอบคุณสมบัติระบบ)
Windows Logo + D (แสดงเดสก์ทอป)
Windows Logo + M (ย่อหน้าต่างทั้งหมดของ Windows)
Windows Logo + SHIFT + M (คืนค่าลดลง Windows)
Windows Logo + E (เปิด My Computer)
Windows Logo + F (ค้นหาไฟล์หรือโฟลเดอร์)
CTRL + Windows Logo + F (ค้นหาคอมพิวเตอร์)
Windows Logo + F1 (แสดงวิธีใช้ Windows)
Windows Logo + L (ล็อกแป้นพิมพ์)
Windows Logo + R (เปิดกล่องโต้ตอบ Run)
Windows Logo + U (ผู้จัดการฝ่ายการเปิดยูทิลิตี้)

แป้นพิมพ์ลัดสำหรับการเข้าถึง
SHIFT ที่เหมาะสมสำหรับแปดวินาที (FilterKeys สวิทช์ ON หรือ OFF)
ALT ซ้าย + SHIFT ซ้าย + PRINT SCREEN (Switch คมชัดสูงทั้งบนหรือปิด)
ALT ซ้าย + SHIFT ซ้าย + NUM LOCK (Switch MouseKeys ทั้งในหรือปิด)
SHIFT ห้าครั้ง (สลับ StickyKeys ทั้งในหรือปิด)
ของ NUM LOCK ห้าวินาที (สลับ ToggleKeys ทั้งในหรือปิด)
Windows Logo + U (ผู้จัดการฝ่ายการเปิดยูทิลิตี้)

Windows Explorer แป้นพิมพ์ลัด

END (แสดงด้านล่างของหน้าต่างที่ใช้งาน)
HOME (แสดงส่วนบนของหน้าต่างที่ใช้งานอยู่)
NUM LOCK + เครื่องหมายดอกจัน (*) (แสดงโฟลเดอร์ย่อยทั้งหมดที่อยู่ภายใต้โฟลเดอร์ที่เลือก)
NUM LOCK + เครื่องหมายบวก (+) (แสดงเนื้อหาของโฟลเดอร์ที่เลือก)
NUM LOCK + เครื่องหมายลบ (–) (ยุบโฟลเดอร์ที่เลือก)
ลูกศรซ้าย (ยุบการเลือกปัจจุบันหากมีการขยายหรือเลือกโฟลเดอร์หลัก)
ลูกศรขวา (แสดงการเลือกปัจจุบันหากมีการยุบหรือเลือกโฟลเดอร์ย่อยแรก)

แป้นพิมพ์ลัดสำหรับผังแสดงชุดอักขระ
หลังจากที่คุณคลิกสองครั้งที่ตัวอักษรบนตารางของตัวอักษรที่คุณสามารถเลื่อนผ่านตารางโดยใช้แป้นพิมพ์ลัด :
ลูกศรขวา (ย้ายไปทางขวาหรือไปยังจุดเริ่มต้นของบรรทัดถัดไป)
ลูกศรซ้าย (ย้ายไปทางซ้ายหรือไปยังจุดสิ้นสุดของบรรทัดก่อนหน้านั้น)
ลูกศรขึ้น (ย้ายขึ้นหนึ่งแถว)
ลูกศรลง (เลื่อนลงหนึ่งแถว)
PAGE UP (เลื่อนขึ้นหนึ่งหน้าจอในเวลา)
PAGE DOWN (เลื่อนลงหนึ่งหน้าจอในเวลา)
หน้าแรก (ย้ายไปที่จุดเริ่มต้นของบรรทัด)
END (เลื่อนไปที่จุดสิ้นสุดของบรรทัด)
CTRL + HOME (เลื่อนไปยังอักขระแรก)
CTRL + END (เลื่อนไปที่ตัวอักษรตัวสุดท้าย)
SPACEBAR (สลับระหว่างโหมดขยายและปกติเมื่อตัวอักษรที่ถูกเลือก)
m * คอนโซลการจัดการ CRO $ oft (MMC) แป้นพิมพ์ลัดหน้าต่างหลัก
CTRL + O (เปิดคอนโซลที่บันทึก)
CTRL + N (เปิดคอนโซลใหม่)
CTRL + S (บันทึกคอนโซลเปิด)
CTRL + M (เพิ่มหรือลบรายการคอนโซล)
CTRL + W (เปิดหน้าต่างใหม่)
ปุ่ม F5 (อัปเดทเนื้อหาของหน้าต่างคอนโซลทั้งหมด)
ALT + SPACEBAR (แสดงเมนูหน้าต่าง MMC)
ALT + F4 (ปิดคอนโซล)
ALT + A (แสดงเมนู Action)
ALT + V (แสดงเมนูมุมมอง)
ALT + F (แสดงเมนู File)
ALT O + (แสดงเมนู Favorites)

MMC console แป้นพิมพ์ลัดของหน้าต่าง
CTRL + P (พิมพ์หน้าปัจจุบันหรือบานหน้าต่างที่ใช้งาน)
ALT + เครื่องหมายลบ (–) (แสดงเมนูหน้าต่างสำหรับหน้าต่างคอนโซลที่ใช้งาน)
SHIFT + F10 (แสดงเมนูทางลัดการดำเนินการสำหรับรายการที่เลือก)
F1 คีย์ (เปิดหัวข้อวิธีใช้ในกรณีใด ๆ สำหรับรายการที่เลือก)
ปุ่ม F5 (อัปเดทเนื้อหาของหน้าต่างคอนโซลทั้งหมด)
CTRL + F10 (ขยายหน้าต่างคอนโซลที่ใช้งาน)
CTRL + F5 (คืนค่าหน้าต่างคอนโซลที่ใช้งาน)
ALT + ENTER (แสดงคุณสมบัติกล่องโต้ตอบหากมีสำหรับรายการที่เลือก)
ปุ่ม F2 (เปลี่ยนชื่อรายการที่เลือก)
CTRL + F4 (ปิดหน้าต่างคอนโซลที่ใช้งานอยู่. เมื่อคอนโซลมีเพียงหน้าต่างคอนโซลเดียวทางลัดนี้จะปิดคอนโซล)

Remote Desktop นำร่องการเชื่อมต่อ
CTRL + ALT + END (เปิด m * CRO $ oft กล่อง Windows NT โต้ตอบความปลอดภัย)
ALT + PAGE UP (สลับระหว่างโปรแกรมจากซ้ายไปขวา)
ALT + PAGE DOWN (สลับระหว่างโปรแกรมจากขวาไปซ้าย)
ALT + INSERT (สลับไปตามโปรแกรมตามลำดับที่ใช้มากที่สุดเมื่อเร็ว ๆ นี้)
ALT + HOME (แสดงเมนู Start)
CTRL + ALT + BREAK (สลับคอมพิวเตอร์ไคลเอนต์ระหว่างแบบหน้าต่างและเต็มจอ)
ALT + DELETE (แสดงเมนู Windows)
CTRL + ALT + เครื่องหมายลบ (–) (กำหนด snapshot ของหน้าต่างที่ใช้งานในไคลเอนต์ในคลิปบอร์ด Terminal server และให้ฟังก์ชันการทำงานเช่นเดียวกับการกดปุ่ม PRINT SCREEN บนเครื่องคอมพิวเตอร์)
CTRL + ALT + เครื่องหมายบวก (+) (กำหนด snapshot ของพื้นที่หน้าต่างไคลเอนต์ทั้งในคลิปบอร์ด Terminal server และให้ฟังก์ชันการทำงานเช่นเดียวกับการกด ALT + PRINT SCREEN ในเครื่องคอมพิวเตอร์)
CTRL + B (เปิดกล่องโต้ตอบจัดระเบียบรายการโปรด)
CTRL + E (เปิดแถบค้นหา)
CTRL + F (เริ่มต้นอรรถประโยชน์การค้นหา)
CTRL + H (เปิดบาร์ประวัติ)
CTRL + I (เปิดแถบรายการโปรด)
CTRL + L (เปิดกล่องโต้ตอบที่เปิด)
CTRL + N (เปิดเบราเซอร์ที่มีที่อยู่เว็บเดียวกัน)
CTRL + O (เปิดกล่องโต้ตอบที่เปิดเช่นเดียวกับ Ctrl + L)
CTRL + P (เปิดกล่องโต้ตอบการพิมพ์)
CTRL + R (อัปเดทเว็บเพจปัจจุบัน)
CTRL + W (ปิดหน้าต่างปัจจุบัน)